Sunday, October 2, 2011

Luangphu Junta Thawaro, Watpa khao Noi

ผลบุญช่วยให้แม่พ้นจากนรกมืด
จากหนังสือ 80 ปี หลวงปู่จันทา ถาวโร 
วัดป่าเขาน้อย จังหวัดพิจิตร



เหตุแห่งการบวช

    ก็มาคิดปรารภถึงแม่ผู้บังเกิดเกล้านั่นแหละ คิดถึงแม่เวลาใด น้ำตาไหลนะ ถามนักปราชญ์ทั้งหลายว่า ทำอย่างไรจึงจะตอบแทนบุญคุณแม่ได้ นักปราชญ์ท่านก็ว่า จะทำนาค้าขายตอบแทนก็ไม่ได้ดอก มีแต่ออกบวชเท่านั้นแหละ บวชแล้วบำเพ็ญบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

ทีนี้ก็เลยตั้งใจใฝ่ฝันว่าจะบวช บำเพ็ญบุญให้แม่สัก ๒ - ๓ พรรษา แล้วก็จะสึก
   จากนั้นก็เข้าวัดฝึกหัดขานนาค เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ เขียนไม่เป็น อ่านไม่ออก นั่นแหละ มันปึก (โง่) จึงท่องไม่ได้ ท่องแล้วท่องเล่า จนจะถอยหลังนะ เอ้าตั้งใจใหม่ โอ๋...คนอื่นเขายังได้

อุทิศบุญให้แม่
     หลวงปู่เล่าว่า พอบวชแล้วออกจากโบสถ์มาก็อุทิศส่วนบุญให้แม่เลย
“บุญ ที่ข้าพเจ้าบวชในวันนี้ ขอฝากแต่แม่เจ้าธรณีเทพเจ้าเหล่าเทวา นำบุญนี้ไปให้แม่ข้าพเจ้า มีนามว่า นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ ดวงจิตของเขานั้น ไปอยู่สถานที่ใด ไปตกนรกก็ดี หรือไปมนุษย์ก็ดี หรือไปเป็นเปรต เป็นผี ก็ดี ขอให้ได้รับส่วนบุญนั้น ขอให้พ้นทุกข์ ให้กลับมาเกิดในตระกูลเดิม จะได้เห็นอำนาจในการบำเพ็ญบุญ ส่วนผู้นำข่าวบุญไปนั้น ก็ขอแบ่งส่วนบุญให้”
จากนั้น ก็ตั้งใจบำเพ็ญบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยืนภาวนา เดินจงกรม วันยังค่ำ บางกาลสมัย ๕ ปีนะ ไม่นอนตลอดไตรมาส ๓ เดือน เดิน ยืน นั่ง เท่านั้นแหละ ๔-๕ วัน ฉันครั้ง เพราะวิตกวิจารณ์ใจ กลัวว่าจะได้บุญน้อย จะไม่ไปช่วยเหลือแม่ นั่นแหละ ก็ทำอยู่อย่างนั้นเป็นนิจ...


....ตั้งแต่ออกบวช ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ก็ตั้งใจบำเพ็ญบุญไม่ลดละ เดินจงกรม ยืนภาวนา ไหว้พระสวดมนต์ เสร็จแล้ว ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม ก็อุทิศส่วนกุศลไปให้แม่ผู้บังเกิดเกล้าทุกวัน

     “ปุญญัง อุททิสสะ ทานัง สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ ขอบุญจงไปช่วยเหลือแม่ของข้าพเจ้านะ ชื่อว่า นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ ดวงจิตเขานั้นไปสิงสถิตอยู่สถานที่ใด ไกลหรือใกล้นั้น ขอบุญจงไปช่วยเหลือ ให้พ้นจากทุกข์นั้น”

     นั่นแหละ ก็อุทิศส่วนบุญไปให้อย่างนั้น จนกระทั่งอายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๕ พรรษา แม่ก็พ้นจากนรกมืดมาเกิดกับหลานสาว พออายุ ๒ ปี ก็พูดจาได้ความรู้เรื่อง
แม่ยายเขาเรียกใช้ “ อีหล้า ไปหยิบของมาให้แม่หน่อย ”
“ มึงอย่ามาเรียกกู อีหล้า กูเป็นแม่มึงนะ ”
“ เป็นแม่ได้อย่างไร เพิ่งเกิดมาได้ ๒ ปี ”
“ สมบัติร่างกายนี้ไม่ใช่แม่หรอก เป็นหลาน แต่ว่าใจของฉันนั้นเป็นแม่ของพวกท่าน ”
   นั่นแหละ เขาก็เลยมานิมนต์ให้ไปซักไซ้ไต่ถามดู ก็เลยได้ความว่า เคยเป็นแม่ในชาติก่อน เมื่อถามว่า เป็นแม่นั้น มีบุตรกี่คน
เขาก็ตอบได้ว่า มีบุตร ๖คน คนที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, และ ๖ เขาก็ไล่ชื่อเสียงเรียงนามได้ทั้งหมด รวมทั้งสามี ภรรยา ญาติมิตรสายโลหิต ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนบ้าน เขาบอกได้ถูกต้องทุกอย่าง ตลอดจนเรื่องเรือกสวนไร่นานั้น ก็บอกได้ถูกต้อง รวมทั้งหลักฐาน เครื่องหมายต่างๆ ก็บอกได้ ไม่ผิด
    แต่แล้วก็ยังไม่ลงเอยกันนะ จึงได้ถามเขาต่อไปอีกว่า
“หลวงพ่อ คิดถึงเจ้านั่นแหละ จึงได้ออกบวช แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ ได้รับหรือไม่ ?”
เขาว่า “ได้รับ ได้รับแต่ตอนกลางคืน ๕ ทุ่ม ได้รับทุกคืน แต่ตอนเช้าไม่ได้รับ ไปอยู่ที่ไหนเล่า ? ” เขาต่อว่ากลับมาอีก 
     “...พอตี 2 ก็ลุกขึ้นมาทุกวันแล้วนั่งสมาธิตั้งแต่นั้นไป จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า จากนั้นก็ไปทำกิจวัตร จึงไม่ได้อุทิศส่วนบุญไปให้ อุทิศให้เฉพาะตอนเย็น เพราะตอนเย็นเดินจงกรมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นไปจนถึง ๕ ทุ่ม ทุกวัน แล้วก็หยุดยืน นั่งสมาธิ ไหว้พระ สวดมนต์ อุทิศส่วนบุญไปให้ เพราะตอนเย็นนั้น ได้บำเพ็ญบุญมาก ”
     เขาว่า “ ถ้าได้ทั้งเช้าและเย็น ก็คงจะพ้นจากนรกมืดได้ เร็วกว่านี้ ”
     ก็ถามเขาต่อไปว่า ” ไปอยู่นรกมืดนั้นเป็นอย่างไร? ”
เขาก็ว่า “เมื่อขาดใจแล้ว นายนิริยบาลมาคุมตัวไปฝากไว้ในนรกมืด ไม่มีแสงสว่างเลย มืดทั้งวันทั้งคึน ไม่ได้เเห็นแสงพระอาทิตย์ พระจันทร์เลย”
     “ ในนรกมีคนมากเท่าไร? ”
   “โอ๋...ดวงวิญญาณในนรกมืดนั้นแน่นขนัด อัดแอกันอยู่เหมือนข้าวสารยัดกระสอบนั่นแหละ”
ทีนี้เมื่อพวกท่านอุทิศส่วนบุญไปให้ จ่ายมบาลก็ว่า
“นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ จงมารับเอาส่วนบุญ ที่ลูกบวชในศาสนาอุทิศมาให้ทุกวันคืน”
นั่นแหละ ฉันก็ดีใจ เมื่อรับเอาบุญทุกวันคืน ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ ไปถึง ๒๕ พรรษา ก็เลยพ้นจากกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลายทั้งปวงนั้น มาอยู่เหนืออำนาจการบังคับของจ่ายมบาล เพราะอำนาจของบุญนั้นตัดกระแสของบาปกรรมในนรกออกได้ เขาก็เลยปล่อยไปตามเรื่อง หมดกรรมเวรแล้ว ขอแม่เจ้าจงไปตามเรื่องเถิดจงไปเกิดที่เมืองมนุษย์ แล้วเขาก็เปิดประตูเหล็กให้ เสียงประตูดังสนั่นเหมือนฟ้าร้อง ได้เห็นแสงพระอาทิตย์สว่างจ้าก็ดีใจ แล้วก็หันหน้าไปร้องบอกลาพวกที่ยังอยู่ในนรกว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอลาไปเกิดเมืองมนุษย์ก่อนนะ”
พวกที่เหลืออยู่ก็ร้องไห้กันสนั่นหวั่นไหว เหมือนอึ่งอ่างในฤดูฝน ไปไหนไม่ได้ เพราะบาปกรรมรึงรัดผูกมัดไว้กับสถานที่นั้น บาปไม่อนุญาตให้ไป เพราะยังไม่หมดเขตเวรกรรม
จากนั้น จ่ายมบาลก็ว่า”ขอให้ไปดี โชคแม่มีแล้ว เพราะได้ลูกเป็นนักปราชญ์ชาติเมธี ใจดีมีศีลธรรม ออกบวชบำเพ็ญบุญ ส่งมาให้ก็ดีมาก นับว่าหาได้ยากในโลกนี้”
นั่นแหละ ก็เห็นอำนาจของการบวชบำเพ็ญบุญ อุทิศส่วนบุญไปให้ แม่ไปตกนรกมืด บุญก็ไปช่วยเหลือให้มาเกิดในตระกูลเดิมได้ ก็หมดความห่วงใยอาลัยแล้ว ได้เห็นผลประจักษ์อย่างนั้น



.....แล้วตกลงตัวเราจะทำเอง หรือรอผู้อื่นทำแล้วอุทิศให้ในภายหลัง ซึ่งเป็นการยากยิ่ง เพราะไม่รู้ใครจะทำให้เรา ถึงทำอาจจะปีหนึ่งครั้ง หรือนิดเดียว ใช่ว่าจะทำมากเหมือนหลวงปู่ทำให้กับโยมแม่ นอกเสียแต่ว่าบัดนี้ ขณะนี้ เวลานี้ เราทำของเราเอง ด้วยตัวเราเอง  สาธุ ......

ธรรมะอยู่ในกาย 84,000 พระธรรมขันธ์ อยู่ในกาย ศีลอยู่ในกาย โลกอยู่ในกาย การดับทุกข์ ดับภายในกาย ถ้าจิตคิด พิจารณาอยู่ในวงของกาย บุญกุศลเกิดแน่นอน ดังนั้นการมองต้องมองเข้ามาในกาย อย่ามองไปข้างนอก มองไปที่ผู้อื่น จะมีแต่ปัญหา





ทำบุญอุทิศให้คนเป็น
   หลวงปู่ยังเล่าไว้อีกว่า หลานชายซึ่งเป็นลูกของพี่สาวเป็นทหารเสือพรานไปรบที่เวียดนามเหนือ แล้วถูกเขาจับขังไว้ ๔ ปีนะ ทุกข์ยากลำบากแสนที่จะตาย ก็นึกว่าจะไม่ได้กลับเมืองไทย
ทีนี้ พี่สาวกับพี่เขย เขาก็มานิมนต์พาไปทำบุญหาหลานสงสัยจะตายไปแล้ว
    มาถึงก็พาเขาทำเลย อย่าฆ่าวัว ฆ่าควายนะ ถ้าต้องการก็ไปหาเนื้อปลาอาหารที่ตลาดที่เขาทำไว้แล้ว จึงจะอุทิศถึง นั่นแหละก็เลยทำ ทำเสร็จก็อุทิศให้ว่า
    “ขอบุญจงไปถึงนายแขก เขาไปอยู่เวียดนามเหนือนั้นจะตายหรือยัง ถึงตายแล้วก็ดี หรือยังอยู่ก็ดี ขอบุญจงไปช่วยเหลือ ถ้ายังไม่ตายขอให้กลับคืนมาเมืองไทย”
   ไม่นานเขาก็มีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกันนะ รัฐบาลเขาประกาศว่า ใครมีลูกมีหลาน ก็ไปรอรับเอาที่ขอนแก่น หรือโคราชนะ เขาจะขึ้นเครื่องบินมาลงที่นั่น นั่นแหละพี่น้องเขาก็ไปรอรับ โอ๋...ผอมดำเหมือนผี กลับมาแล้ว เขาก็ซักไซ้ไต่ถามดูว่า
     “เป็นอย่างไรเล่า ทำบุญให้ได้รับไหม?”
    “โอ้....เดือน ๓ เพ็ญ นอนหลับฝันไปนะ มีแต่ข้าวต้มขนมเต็มอยู่ กินจนเต็มอิ่มนะ ตื่นขึ้นมาก็อิ่มอีกนะ โอ๊....อาจจะแม่นพ่อแม่เขาทำบุญมาให้นะ”
    นั่นแหละ ไม่นานก็พ้นโทษ รัฐบาลทั้ง ๒ ก็แลกเปลี่ยนเชลยศึกกัน กลับมาแล้วก็ดีใจ นั่นแหละ ผลของบุญดีอย่างนั้น



No comments:

Post a Comment